
ข้อสำคัญ ที่คนมีคู่ ไม่รู้ไม่ได้
คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่า ทำไมคนที่เคยรักกันปานจะกลืน แต่พอแต่งงานกันไม่เท่าไร บางคู่ก้นหม้อข้าวไม่ทันดำด้วยซ้ำก็หันหลังให้กันเสียแล้ว บางคู่ดูใจกันมานาน จนคิดว่าแค่มองตากันก็รู้ใจกันเรียนรู้นิสัยใจคอจนแทบทะลุปรุโปร่งแต่ชีวิตคู่กลับไปไม่รอด
การรู้ถึงธรรมชาติของชาย-หญิง จะช่วยให้คุณอ่านใจ อ่านท่าที ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายออกว่าเขากำลังต้องการอะไร ทำให้คุณสามารถทำตัวได้ถูกต้องเหมาะสม ที่สำคัญคือถูกใจคนที่คุณรัก
ลองมาคิดดูซิว่าคุณรู้เรื่องเหล่านี้แล้วหรือยัง
1. เมื่อมีปัญหา ผู้ชายอยากปลีกตัวอยู่คนเดียวเงียบๆ
แล้วคิดทบทวนเรื่องราวตามลำพัง ไม่อยากให้ใครถามเซ้าซี้กวนใจ ไม่อยากให้ใครเห็นว่าเขาอ่อนแอ และยังไม่ต้องการคำปลอบประโลมในขณะนั้น ทางที่ดีควรปล่อยให้เขาอยู่เงียบๆ สักพัก โดยไม่เข้าไปวอแว
แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว เมื่อมีปัญหา เธออยากจะพูดระบายให้ใครสักคนฟังในยามนี้เธอต้องการผู้ฟังที่มีความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจถึงความรู้สึกทุกข์ร้อนของเธอ
2. ผู้ชายต้องการให้ผู้หญิงอยู่ใกล้ชิดในยามที่เขากำลังสบายใจ และผ่อนคลาย ในขณะที่ผู้หญิงต้องการให้ผู้ชายอยู่ใกล้ชิดในยามที่เธอรู้สึกกังวลทุกข์ใจ
3. ผู้หญิงจะหงุดหงิดถ้าผู้ชายพูดหรือแสดงท่าทีที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นแม่บ้านที่บกพร่อง เช่นบ่นว่าบ้านรก อาหารไม่อร่อยถูกปาก ส่วนผู้ชายจะหงุดหงิด ขัดเคือง ถ้าผู้หญิงพูดหรือแสดงท่าทีทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นหลักที่ดีของครอบคัว เช่น บ่นเรื่องงานไม่มั่นคง รายได้น้อยถามว่าเมื่อไรคุณจะได้เลื่อนตำแหน่งเสียที หรือพูดเปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่นในเรื่องหน้าที่การงาน
4. ผู้หญิงต้องการให้ผู้ชายช่วยทำงานบ้าน
ดูแลลูกแต่เธอไม่ชอบเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ กลับใช้การบ่นประชดประชัน ซึ่งทำให้ผู้ชายอารมณ์เสียในขณะที่ผู้ชายชอบรอให้เธอขอร้องตรงๆ เขาถึงจะทำ
ทางที่ดีที่จะป้องกันความขัดแย้งคือผู้ชายน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านบางอย่าง สำหรับผู้หญิงถ้าต้องการให้เขาช่วยทำอะไรก็บอกเขาไปตรงๆแทนที่จะพร่ำบ่นหรือเอาแต่พูดกระแทกกระทั้น ทำให้บรรยากาศเสียไปเปล่าๆ
5. เวลาที่ผู้หญิงมาปรึกษา
เธออยากได้คำแนะนำ การตัดสินใจ หรือคำพูดที่ให้ความมั่นใจกับเธอ ไม่ใช่คำบอกปัดว่าแล้วแต่เธอ เธอตัดสินใจเอาเองก็แล้วกันเป็นคำตอบที่เธอไม่อยากได้ยิน เพราะคำพูดแบบนี้ไม่ได้แสดงถึงการตามใจ แต่เธอรู้สึกว่าคุณไม่แยแสไม่เป็นผู้นำหรือไม่เป็นหลักทางใจให้กับเธอเสียเลย
6. ผู้หญิงต้องการคำพูดให้กำลังใจ
คำพูดที่ทำให้เธอรู้สึกมีคุณค่าเช่น บอกถึงความห่วงใยพูดชมเชยฝีมือทำอาหาร ชมทรงผมใหม่ของเธออยู่กินกันนานแค่ไหนก็ตามอย่าละเลยที่จะเหยาะคำหวานให้เธอชื่นใจบ้าง ในขณะที่ผู้ชายต้องการการกระทำที่แสดงถึงการเอาอกเอาใจหรือบริการความสะดวกสบายบางอย่างเช่น ปอกผลไม้ให้ทาน ชงกาแฟให้ดื่ม
7. ผู้หญิงทนไม่ได้กับความรู้สึกที่ว่าผู้ชายปกปิดอะไรบางอย่าง
หรือพูดไม่จริงกับเธอในขณะที่ผู้ชายคิดว่าปกปิดเพื่อให้ผู้หญิงสบายใจแต่หารู้ไม่ว่ายิ่งเป็นการทำให้เธอกระวนกระวายใจและอ าละวาดหนักขึ้น
8. ผู้หญิงชอบคาดคั้นหาคำตอบที่เธอข้องใจ
ซึ่งยิ่งทำให้ผู้ชายรำคาญและปิดปากสนิทยิ่งขึ้น ในขณะที่ผู้ชายเต็มใจที่จะบอก ไม่ก็หลุดปากออกมาเอง ถ้าผู้หญิงมีท่าทีสงบทำให้เขารู้สึกเกรงใจและวางใจว่าเธอจะไม่เล่นงานเขา
9. ผู้ชายไม่ชอบพูดคำว่ารัก
แต่ชอบบอกด้วยการกระทำ เช่น ทำงานหนักก็เพื่อสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ผู้หญิงจะได้สบาย ในขณะที่ผู้หญิงปรารถนาอยู่ลึกๆอยากได้ยินคำบอกรัก โดยเฉพาะหลังแต่งงานที่น้ำต้มผักเริ่มหมดรสหวานแล้ว เพราะจะทำให้เธอรู้สึกมั่นใจและอบอุ่นใจ
10. เมื่อเกิดความเครียด ผู้หญิงอยากระบายด้วยการพูด
ในขณะที่ผู้ชายไม่ค่อยชอบพูดก็เลยแสดงออกไปในด้านอื่นๆ แทน เช่น ไปเที่ยว ไปดื่ม มีเพศสัมพันธ์แต่คนที่ระบายออกอย่างถูกวิธีก็จะไปเล่นกีฬาออกกำลังแทน
11. เมื่อหลับนอนด้วยกัน
ผู้ชายจะรู้สึกดีถ้าผู้หญิงทำให้เขารู้สึกว่า เธอต้องการเขา ในขณะที่ผู้หญิงจะรู้สึกดีถ้าผู้ชายทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่เขาทะนุถนอม แบบนี้แล้วล่ะก็ ผู้หญิงอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังและถนอมนำใจสักหน่อย ถ้าจะหลีกเลี่ยงการหลับนอนกับเขา ขืนพูดว่าอย่ามายุ่งหรือแสดงท่าทีตัดรอนอย่างไม่มีเยื่อใยผู้ชายจะเสียความรู้สึกทันที และรู้สึกเหมือนถูกทำร้ายจิตใจ
ส่วนทีท่าที่ผู้ชายจะแสดงต่อผู้หญิงควรนุ่มนวลเล้าโลมอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะทำให้รู้สึกว่าเธอมีคุณค่า ถ้าจ้วงจาบแรงๆ ผู้หญิงจะรู้สึกว่าเธอเป็นเพียงเครื่องรองรับอารมณ์ใคร่และเขาช่างไม่อนาทรต่อความรู้สึกของเธอเสียเลย
การมอบความรักควรทำอย่างที่อีกฝ่ายต้องการไม่ใช่ทำอย่างที่ตัวเราต้องการ อย่าลืมว่า รักอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องรู้เขา รู้เรา และเข้าใจกันด้วย
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ โดย tlcthai
Thank you photo by pexels, unsplash