การมีคนรักสักคน อาจไม่ใช่เรื่องหวานชื่นเสมอไป
โอกาสเสี่ยงต่อ “ประสบการณ์มันส์ๆ ทางอารมณ์” เกิดขึ้นได้เสมอ อกหักเป็นความเจ็–บปวด เกิดฉับพลันทันที…รอวันเวลาแห่งการฟื้นฟูสภาพจิตใจ แต่หากคนที่คุณรักกำลังโลเล…เพราะเขาเริ่มปันใจให้หญิงอื่น หรือเริ่มมีมือที่สาม เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาด ความหวั่นไหวในอารมณ์เริ่มเข้าสิงสถิตครอบงำจิตใจคุณ กลัวว่ากิจการที่เคยถือหุ้นแต่เพียงผู้เดียวมาตลอด อาจถูกเทคโอเวอร์โดยบุคคลอื่น
พฤติกรรมของเขาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ผิดสัญญาบ่อยครั้ง…เหตุผลข้างๆ คูๆ ดูไม่เข้าท่า ความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่คุณเคยมีมาเริ่มเสื่อมถอยลง พร้อมความงุนงงสับสน…สิ่งที่เขารับปาก คุณเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง…นานๆ ไปกลายเป็นเชื่อหนึ่งส่วนสี่ ไม่เชื่อสามส่วนสี่จนในที่สุด…ไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว
พอเขาพูดความจริง…คุณก็ยอมรับไม่ได้ เป็นภาวะแห่งความทุกข์ทรมานใจยิ่งกว่าอกหัก เหมือนคนที่กำลังทุกข์ เพราะกังวลเหลือเกินว่าที่สอบไปวันก่อน ผลสอบจะออกหัวหรือก้อย ย่อมทรมานกว่าการรับฟังผลสอบ..ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าสอบตกซะแล้ว…
ตอนทำใจมันง่ายกว่า!
จากพูดหวานกลายเป็นมีปากเสียง การถกเถียงบ่อยครั้งขึ้น ความทุกข์ที่บังเกิดแก่ใจ เป็นสัดส่วนโดยตรงกับระยะเวลาที่คบหากัน…
กับระดับความรักที่คุณทุ่มเทใจให้เขา และเป็นสัดส่วนผกผันกับจำนวนตัวเลือกอื่นๆ ที่รอคิวให้คุณตัดสินใจ
คุณกำลังรักเขาอย่างเหลือล้น และเคยได้ยินมาว่า “ความรักคือการให้” แต่ตอนนี้ “การให้คือเรื่องยากที่สุดในชีวิต” มันไม่ใช่แค่เสียดาย แต่มันอาจผสมผสานกับเสียรู้ เสียหน้าและเสียความรู้สึก บางรายถึงกับเสียอนาคต เพราะดันมาเป็นช่วงสอบ ช่วงงานหนักๆ เลยอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
อยากบอกกับคุณผู้หญิงที่กำลังตกอยู่ในสภาพดังกล่าวว่า…ถ้าคุณรักเขามากกว่ารักตัวเอง ก็อย่าเพิ่งรีบด่วนปลดปล่อยตนเองให้หลุดพ้นห้วงเหวแห่งทุกขเวทนา…คนบางคนมีความสุขกับการทำร้ายจิตใจตัวเองเล่น…มันสะใจดี!
แต่ถ้าคุณรักตัวเองมากกว่าเขาคนนั้น…ผู้ซึ่งคุณอยากเรียกว่า “มัน” ในตอนนี้…สิ่งที่คุณต้องใส่ใจ…คุณควรกลับมาใส่ใจในความรู้สึกของตัวเองแทน พิจารณาอารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ
อารมณ์เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดแก่ใจ ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ มันก็เป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกในใจเรา ไม่จำเป็นปฏิเสธ ไม่จำเป็นต้องกำจัดมัน เพราะมันไม่ใช่ศัตรู…จงอยู่กับอารมณ์ต่างๆ อย่างพิจารณา เสมือนแม่ผู้ซึ่งประคองลูกน้อยในอ้อมอกอย่างทนุถนอม…ไม่ช้าคุณจะพบว่าอารมณ์นั้นจะอ่อนกำลังและจางคลาย
หากไม่พิจารณาอารมณ์ ไม่อยู่กับมันอย่างมีสติ ธรรมชาติของอารมณ์คือการปรุงแต่ง วัฏจักรแห่งใจคือการเคลื่อนไหวอย่างวนเวียน…ไม่เศร้าใจกับเรื่องอดีต ก็กังวลใจในเรื่องอนาคตที่ยังไม่เกิด…จนหาความสุขใดๆ ไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน
ถ้ารู้สึกว่าการพิจารณาอารมณ์ที่อธิบายมาเป็นเรื่องยาก สิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าคือ อย่าอยู่เฉยๆ…เพราะร่างกายอาจไม่เคลื่อนไหว แต่ใจกำลังวนเวียนวุ่นวาย…จงหากิจกรรมบางอย่างทำ เพื่อดึงสมาธิ คือความสนใจทั้งหมดพุ่งไปที่กิจกรรมในขณะปัจจุบัน จิตจะไม่วอกแวกไปเรื่องอดีตหรืออนาคต
ปัญหาหลายอย่างในชีวิต ถ้ายังเปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้ในทันที…สิ่งที่ควรทำคือ “การให้เวลา” เพราะเวลาเป็นเครื่องเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งทั้งหลาย…เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาจะค่อยๆ คลี่คลายด้วยตัวมันเอง
การคลี่คลายมีได้สองอย่าง…
คือเขากลับเนื้อกลับตัวมาเป็น “คนดี” ของคุณใหม่
หรือคุณกลับเนื้อกลับตัว เลิกเป็น “คนดี” ของเขาต่อไป
เพียงแต่ว่าระหว่างการให้เวลา…จงใช้เวลาอย่างมีความสุข เพราะมนุษย์มิได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์…ไม่ว่าเราจะมีเป้าหมายของชีวิตเป็นอะไรก็ตาม มนุษย์ควรดำเนินชีวิตด้วยความสุขอยู่ทุกขณะของลมหายใจ…เพราะลมหายใจคือสิ่งที่ค่ามากที่สุดของชีวิต คุณจะตระหนักในเรื่องนี้แน่นอน ถ้าถูกกดให้จมอยู่ใต้น้ำนานสัก 3-5 นาที
“การมีลมหายใจอยู่” เราจึงยังมีความสุข…หาใช่มีความสุขเพราะ “การมีเขาอยู่” ยกเว้นแต่คุณหลงผิดว่า “เขาคือลมหายใจ” ของคุณ…ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิโดยแท้
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ โดย นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล
Thank you photo by pexels, unsplash
