Home ความรัก/ชีวิต อกหัก ผ่านไปได้ใน 3 ขั้นตอน

อกหัก ผ่านไปได้ใน 3 ขั้นตอน

จงเรียนรู้จากความเจ็บปวด แล้วก้าวเดินต่อไป

ความรักคืออะไรจะให้นิยามแบบตายตัวนั้นไม่สามารถตอบได้ เพราะต่างคนต่างมี “นิยามความรัก“ที่แตกต่างกันออกไปตามความรู้สึกของแต่ละบุคคลแต่ละคู่รัก สำหรับนิยามความรักของผมนั้น คือ “สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข” การได้พบกับใครสักคนที่ทำให้รู้สึกดี ได้มารู้จักกัน ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน และมีความรักให้แก่กัน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สวยงามและดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต

“ความรัก” มักมาพร้อมกับความคาดหวัง ความคาดหวังนำพาผมไปสู่การยึดติดทางความรู้สึกกับใครคนหนึ่ง และสิ่งที่คาดหวังเหล่านั้นทำให้ผมไม่เคยเตรียมใจเมื่อถึงวันที่ต้องเอ่ยคำลา

“อกหัก” คำ ๆ นี้ได้ยินบ่อยแต่ไม่เคยได้สัมผัส บ่อยครั้งที่ผมเห็นข่าวได้ฟังจากเพื่อนเกี่ยวกับคนที่อกหักแล้วทำร้ายตัวเองก็เอาแต่คิดสงสัยว่ามันอะไรมากมายขนาดนั้นเลยหรอ แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับผมเป็นครั้งแรกวันนี้จึงทำให้ผมเข้าใจทุกสิ่งและรู้ซึ้งถึงคำว่า “อกหัก”

ผมเชื่อว่า คงมีใครหลายคนที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ หลาย ๆ คนอาจจะเป็นเหมือนผมที่ไม่ค่อยกล้าปรึกษาปัญหาเรื่องส่วนตัวกับใครต้องมาขอคำปรึกษาจาก Google อยู่บ่อย ๆ

เมื่อคุณเปิดอ่านมาเจอบทความนี้ผมอยากให้คุณรู้ว่า “คุณไม่ใช่คนแรกที่เผชิญกับเรื่องราวแบบนี้ แต่มีอีกหลายล้านคนบนโลกนี้รวมทั้งตัวผมเองก็ผ่านมันมาแล้ว”

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมเสียใจและได้รับความทรมานทางจิตใจเป็นอย่างมาก นี่คือ 3 ขั้นตอนของความรู้สึกที่ผมผ่านมาตั้งแต่เริ่มแรกที่อกหัก

ขั้นแรก คือ คุณจะปฏิเสธที่โดนทิ้งไปและจะไม่ยอมรับความจริง

ในตอนเริ่มแรกผมไม่สามารถยอมรับความจริงได้และไม่เชื่อว่าเขาได้เดินจากไปแล้ว ช่วงเวลานั้นมีทั้งความรู้สึกทั้งโกรธและเกลียดกับสิ่งที่เขาทำเพราะการทิ้งของเขาเป็นวิธีที่หักดิบจิตใจของผมมาก

ผมได้แต่เฝ้าถามตัวเองซ้ำ ๆ ด้วยคำถามเดิม ๆ มาตลอด 6 เดือน คือ “ทำไม เพราะอะไร เขาถึงจากเราไป” เพราะเราเลิกกันโดยที่ผมไม่เข้าใจ ไม่มีโอกาสได้เตรียมตัว

ผมจำได้แค่ว่าคืนก่อนนั้นเขายังบอกว่ารักกัน แต่อีกวันต่อมาเหมือนเป็นหนังคนละม้วน ผมไม่รู้เหตุผลเลยจริง ๆ ว่าทำไมคนที่คบกันมาเกือบ 4 ปี คนที่เคยคุยกันทุกวันอยู่ ๆ ก็หายไปและไม่สามารถติดต่อกันได้กลับกลายเป็นคนที่แปลกหน้าต่อกัน

หลังจากวันนั้นจนถึงตอนนี้เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ในช่วง 3 เดือนแรกผมโทรไปหาแทบทุกวันแต่ก็ไม่เคยรับสายหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ หักห้ามใจตัวเองไม่ให้โทรไป

แต่สิ่งที่ผมเป็นมาตลอด 6 เดือน ก็คือ ผมไม่สามารถยอมรับความจริงได้เลย ทุก ๆ วันของผมผ่านไปด้วยใจที่เจ็บปวดทรมานด้วยความเชื่อที่ว่า “เขายังรักผมอยู่” เพราะประโยคนี้ทำให้ผมยอมที่จะเฝ้ารอตกอยู่ในภวังค์ของความคิดที่ไม่สามารถหาทางออกให้กับตัวเองได้

จากวันที่ผมอกหักทำให้ผมเริ่มมีอาการนอนไม่หลับมาตลอด 8 เดือน ไม่สามารถที่จะฟังเพลงไทยที่มีคำร้องได้เพราะทำให้ผมเครียด ผมไม่สามารถจะอธิบายด้วยคำพูดได้ว่ามันทรมานมากแค่ไหน ความรักที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของผมที่พังทลายลงเหมือนความฝันที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

เมื่อมองย้อนกลับไปผมรู้สึกว่า “ความรัก” มันทำให้เรายอมทำได้ทุกอย่างจริง ๆ แม้จะเจ็บจะทรมานก็ยังดื้อรั้นทำร้ายจิตใจตัวเองต่อไป แต่เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งเราจะรู้ตัวเองว่าควรจะหยุดทุกอย่างไว้ตรงนี้ บางครั้งผมรู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่นที่ลืมอดีตไม่ได้ความเจ็บมันไม่จางหายไปสักที

เหตุการณ์นี้เหมือนเป็นเรื่องราวใหม่ในชีวิตที่ผมต้องผ่านไปด้วยตัวเองให้ได้ เมื่อเวลาผ่านไปเชื่อเถอะครับว่า เราจะมองสิ่งที่เราเคยเป็นตอนนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องตลก ๆ เรื่องหนึ่งที่เราเคยเป็นอะไรมากมายขนาดนั้นเลยหรอ

 

ขั้นสอง คือ คุณจะยอมรับความจริงและก้าวเดินต่อไป

ในตอนเริ่มแรกผมก็แทบจะกลายเป็นนักดื่มไปเลย ก็ลองหาคนคุยด้วย แต่ผมรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ทางออกของปัญหา แม้จะผ่านมาเนิ่นนานเกือบครึ่งปีได้แล้วผมก็ยังไม่สามารถปล่อยวางความรู้สึกนั้นได้

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเมื่อไรที่ผมรู้สึกปวดใจทางออกของผมก็คือ “การนั่งสมาธิ” และอ่านหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง หนังสือเหล่านี้จะมีแง่คิดดี ๆ มากมายให้ผมได้คิด สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อคือ ทำให้ผมเริ่มปล่อยวาง ช่วงเวลาที่ผ่านมาแม้ผมจะยังโทรไปหาเขาบ้าง ยังส่งข้อความไปบ้าง

แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า ผมต้องยอมรับความจริงให้ได้จึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาเขาครั้งสุดท้ายว่า “ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้มีความสุข และจะไม่มารบกวนอีกสัญญา”

การทำแบบนี้ทำให้จิตใจของผมเริ่มก้าวห่างจากความเจ็บปวดในใจที่สะสมเหมือนเป็นโรคเรื้อรัง แม้ว่าจะยังแอบเจ็บ แอบคิดถึงบ้าง แต่ผมเชื่อเสมอว่าสักวันมันก็จะหายไป บางทีก็แอบไปดูเฟสเขานะ ดูแล้วเห็นรูปเขาก็มีสะเทือนใจบ้าง ยิ่งเห็นเขามีแฟนใหม่

อ้าว…แอบเจ็บนิดหน่อย แต่มันก็สามารถทำให้ผมทำใจได้ง่ายขึ้น เพราะเขาก็มีคนใหม่แล้ว ก็ได้แต่อวยพรให้เขามีความสุข ส่วนอดีตก็เก็บไว้ให้เป็นความทรงจำดี ๆ

การที่ผมค่อย ๆ ก้าวข้ามผ่านจิตใจของตัวเองไปได้ก็เพราะมีครอบครัวและมีเพื่อนดี ๆ ที่คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ มันเป็นเรื่องจริงมากครับถ้าตัวเราเองยังรักตัวเองไม่ได้เลยจะไปดูแลใครได้จริงไหม

การปรึกษากับคนอื่นอาจทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างอยู่ที่ตัวเราครับ ผมบอกตัวเองไว้เสมอว่า “จงเรียนรู้จากความเจ็บปวดแล้วก้าวเดินต่อไป”

ขั้นสุดท้าย คือ การให้อภัย

การที่ผมฝึกสมาธิมาตลอดและเสพติดสิ่งดี ๆ เช่น หนังสืงที่อ่านแล้วเรามีแรงบันดาลใจที่อยากจะใช้ชีวิตไปในทางที่ดีและทำให้ผมใช้ชีวิตคิดบวก ผมแทบจะไม่นึกถึงเขาแล้วความรู้สึกที่ไม่ดีต่าง ๆ ผมทิ้งมันไว้กับอดีต ให้มันเป็นบทเรียนราคาแพงของชีวิตผม ความเจ็บปวดที่มีค่อย ๆ จางหายไปและความสุขจากการได้ทำสิ่งที่เรารักก็เข้ามาแทนที

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การปล่อยวางซึ่งเป็นสิ่งที่นำพาผมไปสู่การให้อภัยกับทุกสิ่งทุกอย่างโดยเฉพาะตัวผมเอง การที่ผมเจ็บอย่างยาวนานมาหลายเดือนเกิดจากความคิดของผมเองที่ย้ำคิดย้ำทำเอาแต่สงสัยว่า ทำไม ทำไม และทำไม

แต่ตอนนี้ความคิดผมได้เปลี่ยนแปลงไป ผมใช้ความเจ็บปวดที่ผมได้รับจากความผิดหวังเป็นบทเรียนให้ชีวิตของผมได้เรียนรู้ ผมกลับอยากขอบคุณเขาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมและมอบบทเรียนชีวิตดี ๆ ให้

ความผิดหวังครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมเป็นทุกข์มากที่สุดในชีวิต แต่อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้ผมมีจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้น ทำให้ผมมีภูมิคุ้มกันทางจิตใจที่ดีเนื่องจากการฝึกจิดใจตัวเองให้คิดในแง่บวกเสมอ

ประสบการณ์ครั้งนี้ไม่ได้แค่เพียงให้ผมได้เรียนรู้ความผิดหวังจากความรักเท่านั้น แต่ความผิดหวังครั้งนี้ให้บทเรียนชีวิตกับผมเพื่อนำไปใช้กับทุกๆสิ่งที่ผมจะต้องเผชิญกับความผิดหวังที่จะผ่านเข้ามาในอนาคต

จงจำไว้เสมอครับว่า “จงเรียนรู้จากความเจ็บปวดแล้วก้าวเดินต่อไป” และบทเพลงสั้นๆที่ชื่อว่า “ถึงคนรักเก่า” ต่อไปนี้ เป็นบทเพลงที่ผมแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนอีกหนึ่งมุมมองของคนที่ผิดหวังจากความรัก ขอบคุณสำหรับบทเรียนครั้งใหญ่ที่ทำให้ผมรู้ว่า “รักมากเท่าไร ถึงเวลาก็ต้องปล่อยมือ”

สรุป
ไม่ว่าคุณจะผิดหวังจากความรักรูปแบบไหน ขอให้คุณคิดว่ามันเป็นบทเรียนดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้คุณได้ทดสอบจิตใจ อาจจะทำให้คุณไม่มีความสุขจากความทุกข์ ความเสียใจ และความเจ็บปวดใจจากความผิดหวัง

ขอให้คุณได้เรียนรู้ว่า คนอื่นเป็นปัจจัยภายนอกที่คุณไม่สามารถที่จะควบคุมได้ แต่ตัวคุณเองสามารถควบคุมตัวเองได้ จงเรียนรู้จากความเจ็บปวดเหล่านั้นแล้วก้าวเดินต่อไป เชื่อเถอะว่า “ความเจ็บปวด ความเสียใจ จะค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา”

 

ขอบคุณเรื่องราวดีๆ จาก klakid

Thank you photo by pexels, unsplash

Load More Related Articles
Load More By getwellxoxo
Load More In ความรัก/ชีวิต
0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments

Check Also

วิธีสังเกต ผู้หญิงกำลังนอกใจ

5 อาการบอกว่า ผู้หญิงอาจกำลังนอกใจ สำหรับผู้ชายที่กำลัง … …