การแต่งงานเป็นจุดจบของสถานะโสด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของสถานะคู่ชีวิต

1. ความเป็นส่วนตัวน้อยลง

แน่นอนว่าการแต่งงาน มันคือการที่คน 2 คนต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน นอกจากจะต้องแชร์หลายๆ อย่างด้วยกันแล้ว คุณยังจะต้องแบกรับบทบาทหลายหน้าที่ จนบางครั้งคุณก็อาจไม่มีเวลาส่วนตัวมากพอที่จะไปทำในเรื่องที่อยากทำ

2. มากกว่าความรักคือความมั่นคง

ตอนเป็นแฟนกันแรกๆ ทุกอย่างมันก็หอมหวานไปหมด เพราะมันคือความรักที่คน 2 คนมีให้กัน แต่พอแต่งงาน เลื่อนสถานะมาเป็นคู่ชีวิต มันมีอะไรให้ต้องคิดมากกว่านั้น แค่รักมันอาจจะยังไม่พอ คุณจะต้องวางแผนชีวิตคู่ และคิดถึงความมั่นคงให้มากพอๆ กับความรักนั่นแหละ

3. เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว

หลังจากตอบตกลง ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ จนผ่านพิธีแต่งงานมาแล้ว คุณจะไม่ใช่แค่ภรรยาของเขา แต่คุณจะเป็นแม่บ้าน เป็นแม่ของลูก และเพื่อนคู่คิด ที่ต้องคอยเดินและอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะต้องเจอเรื่องราวที่สุขสุดๆ หรือทุกข์มากๆ ก็ตาม เรียกง่ายๆ ว่า เป็นทุกอย่าง นั่นแหละ

4. อย่าปล่อยให้ตัวเองโทรม

ใช่ว่าแต่งงานแล้ว จะปล่อยให้ตัวเองโทรมได้นะ ธรรมชาติของคุณผู้ชายน่ะชอบของสวยๆ งามๆ เป็นธรรมดา ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ คุณจะต้องพยายามดูแลและเติมความสวยให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะต้องตื่นหัวฟูแต่เช้า มาทำกับข้าว เดินทางฟ่ารถติด ออกไปรับศึกนอกบ้าน หรือกลับมาทำงานบ้านหนักหนาเท่าไหร่ก็ตาม

5. เรื่องบนเตียงอย่าให้พร่อง

เป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะช่วยให้ความรักและความสัมพันธ์ไม่จืดจางไปง่ายๆ ไม่ว่าคุณจะต้องสู้รบปรบมือกับลูกค้าจากที่ทำงาน หรือกลับมาทำงานบ้านอย่างหนักหน่วง ก็อย่าปล่อยให้เรื่องบนเตียงนั่นพร่องเป็นอันขาด และที่สำคัญทุกครั้งที่คุณขึ้นสังเวียน ต้องทำให้ดีที่สุด อย่าให้มันดูไร้อารมณ์ หรือจืดชืดเป็นน้ำเปล่าเด็ดขาด!! เพราะมันเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของภรรยาที่ควรทำจ้ะ

6. ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจเสมอไป

เมื่อแต่งงานแล้ว คุณอาจจะต้องเจอกับเรื่องราวหลายๆ อย่างที่อาจเปลี่ยนไป ไม่ได้ดั่งใจเหมือนเก่า อะไรที่เคยได้ ก็อาจไม่ได้ อารมณ์แปรปรวนง่ายสุดๆ สิ่งที่จะทำให้ความสัมพันธ์ยังคงเดินหน้าไปได้ต่อ ก็คือความเข้าใจซึ่งกันและกัน และหันหน้าคุยกันด้วยเหตุผล เพื่อหาทางออกของปัญหานั้นๆ

ขอบคุณเรื่องราวดีๆ โดย kanyap

Thank you photo by pexels, unsplash