
หนังสือเล่มเก่า กลับไปอ่านกี่ครั้งก็คงจบแบบเดิม
ทุกคนคงเคยได้ยินคำที่ว่า
หนังสือเล่มเก่า กลับไปอ่านกี่ครั้งก็คงจบแบบเดิม
มันมักจะเป็นประโยคเด็ดของการกลับมาเมื่อมันเกิดขึ้น
แต่มันคงใช้กับเราไม่ได้
สิ่งที่เราเชื่อคือ ถ้าคนที่ใช่ จะไม่เลิกกันไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว
นั้นแหละคือประโยคที่เราเชื่อมาตลอด
ทุกครั้งเวลาการจากลาเดินมาถึง
เราก็มักจะเสียใจและขอให้ใครคนนั้นกลับมา
แม้ตอนที่เขากลับมาแล้วจริงๆ
เราก็ไม่เคยจะกล้ากลับไปคบกับเขาอีกเลย
แต่สำหรับคนนี้มันคงเป็นกรณีพิเศษ ที่พิเศษจริงๆ
เพราะเขาคือคนแรกที่ทำให้เราละเว้นความเชื่อนั้นไว้
เพื่อที่จะขอเริ่มใหม่อีกครั้งกับเขา
เพราะมันไม่มีอะไรแน่นอนเลย
นั้นก็คือไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ
รวมถึงไม่ได้มีการการันตีเลยว่ากลับมาครั้งนี้มันจะดีกว่าครั้งนั้น
แต่มีเพียงคำพูดที่เราบอกกับเขา
‘คุณรู้ใช่ไหมว่าการกลับเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้คือมันต้องดีกว่าเท่านั้นนะ’
แน่นอนเขาตอบรับเราด้วยคำพูดที่เข้าใจ
ก่อนจะเริ่มต้นใหม่ เราก็เลยบอกถึงสาเหตุที่มันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
‘คุณไม่รู้หรอกว่าเราคาดหวังกับคุณมากแค่ไหน เพราะเราไม่เคยบอกมันกับคุณ’
‘แล้วเราทำอะไรหรอ’
‘อย่าพูดถึงมันเลยนะ เราเจ็บ’
เพราะในความไม่รู้ว่าเรารู้ของเขาในวันนั้น การเดินออกจากวงโคจรในชีวิตของกันและกันมันเลยไม่มีใครรั้งใครเอาไว้
เราบอกได้แค่ตอนนั้น มันไม่ไหวเเล้ว มันไม่เอาแล้ว ถ้าต้องตกอยู่ในสถานะการณ์แบบนั้นเราต้องดิ้นตายตรงนั้นแน่ๆ
แต่การกลับมาในวงโคจรของกันและกันอีกครั้ง
มันทำให้เราโตขึ้นไปอีกในระดับนึง
คือการกลับมาคบกัน แต่เราจะไม่คาดหวังกับเขา
เพราะความผิดหวังมันน่ากลัวกว่า
การไม่มีหวังซะอีก
เราอยากให้ใครสักคนอยู่กับตััวเองให้มากๆในวันที่เราให้โอกาสเขาได้ตัดสินใจว่าที่ตรงนั้นมันควรจะมีเราอยู่ด้วยจริงๆหรอ
ถ้าหากคำตอบคือไม่ เราก็จะเคารพเขาเพราะเราเป็นคนให้เขาทำมันเอง
เราขอหวังแค่ว่าการกลับมาของเขาครั้งนี้ มันจะไม่ใช่การกลับมาหมุนเข็มนาฬิกาให้กลับไปที่เดิม
ถ้าจะจบลงอีกครั้ง
เราคงอยากให้มันจบลงด้วยเรื่องราวดีๆ
มากกว่าเรื่องราวเดิมๆ
เรื่องที่ว่า มันจำเป็นต้องจากกัน
แต่เราจะจากกันด้วยรอยยิ้มและความเข้าใจ
หลังจากคำลาจบลง
เราไม่อยากให้มันมีการย้ำยีกันซ้ำๆด้วยคำพูดอีก
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ โดย moon_1997
Thank you photo by pexels, unsplash
Your point of view caught my eye and was very interesting. Thanks. I have a question for you.