สติๆ อย่าปล่อยให้คนๆเดียวมาทำชีวิตพัง

By getwellxoxo

อาการของคนที่ผิดหวังจากความรักจนมีสภาพเหมือนคนเกือบจะเสียสติ

ตัวอย่างจาก Music Video หลายเพลง ประมาณว่า วิ่งไปร้องไห้ไปกลางสายฝน ตาลอยนั่งเหม่อมีแต่คราบน้ำตา ฯลฯ อาจทำให้บางคนเกิดคำถามว่า “เฮ่ย…อะไรมันจะขนาดน้านนน แค่อกหัก มันไม่ถึงกับตiยหรอก ใครมันจะเพ้อได้โอเวอร์แบบนั้น ร้องไห้วันเดียวก็หายแล้ว” ซึ่งถ้าใครคิดแบบนี้ แสดงว่าไม่เคย “รักจริง เจ็บจริง” เพราะอาการผิดหวังจากความรัก มันอาจกำเริบถึงขั้น “วายป่วง” ได้เลยทีเดียว

เวลาที่ความรักมันกลายเป็นความทุกข์ย้อนกลับมาทำร้ายจิตใจเรานั้น มันช่างเจ็บปวดทรมานสุดจะทานทน ยิ่งรักมากยิ่งช้ำมาก ความผิดหวังมันรุนแรงเสียจนกระทั่งมีอาการเหมือน “กล้ามเนื้อหัวใจกำลังจะฉีกออก” เหมือนที่เขาเรียกกันว่าอกหักนั่นแล มันเศร้า มันเจ็บปวดมากมายเสียจนไม่รู้จะทำยังไงดี บางคนคุมสติตัวเองไม่อยู่ บางคนคุมสติได้ แต่ก็ยังต้องใช้ยานอนหลับ หรือใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อช่วยให้หลับ ต่อให้เป็นคนมีสติดีแค่ไหนก็ตาม เมื่อเจอเรื่องนี้เข้าไป ก็ต้องประสบกับอาการเช่นนี้กันแทบทุกคน

ในยามสุข ก็เหมือนโลกนี้จะเป็นสวรรค์ ในยามทุกข์ โลกนี้ก็กลายเป็นนรก “ความรัก” มันมีพลังอำนาจร้ายกาจได้ถึงปานนั้น ถ้าใครเคยผ่านความรักที่ทั้งสุขสุดๆ และทุกข์สุดๆ มาแล้ว ก็ถือว่ามีวุฒิภาวะในระดับหนึ่ง ไม่ได้มองความรักแต่ด้านสวยงามเพียงด้านเดียว “ด้านมืดของความรัก”นั้นมีจริง แต่ก็ใช่ว่าโลกนี้มีแค่ “กลางคืน” นี่ จริงมั้ย ?

ความรักที่ไม่สมหวัง ความรักที่ไม่เป็นสุข ความรักที่มีปัญหา ความรักที่จบลงด้วยการเลิกรา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้กับหัวใจเราได้ทั้งสิ้น ไม่มีใครอยากเจ็บปวด ใครๆ ก็อยากจะมีความรักที่สมหวัง แต่ความรักที่สมหวังนั้นมีได้แน่นอนเพียงอย่างเดียวคือ “รักตัวเอง” (ถ้าหากเราเกลียดตัวเอง ก็ยากที่จะมีใครมารักเราได้แล้วล่ะ)

ว่ากันว่า เวลาผู้หญิงอกหัก กับผู้ชายอกหัก สถานการณ์จะต่างกันอยู่พอสมควร เพราะความรักเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตหญิงสาว ผู้หญิงจึงมักจะจมอยู่กับความผิดหวังมากกว่า นานกว่าผู้ชาย กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้วันละหลายรอบ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน กว่าจะกลับมาเป็นปกติ บางทีนานเป็นปี ส่วนผู้ชายนั้น แม้จะเศร้า แต่ไปลั้นลากับเพื่อนๆ บ่อยเข้าก็จะคลายความเศร้าไปได้ ดีไม่ดี ไป “ปิ๊ง”สาวคนใหม่ ลืมเรื่องเศร้าไปเลยก็มี (แต่ผู้ชายอ่อนไหว ก็อาจเศร้าหนักได้ไม่แพ้ผู้หญิงเหมือนกันนะ)

ตอนที่เรากำลังเฮิร์ท เศร้าหนักๆ อยู่นั้น เราก็มักจะจมอยู่กับอารมณ์แบบนั้น โดยที่ไม่ทันได้คิดว่า ชีวิตของเรามันไม่ได้หยุดแค่วันนี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่เหตุการณ์เพียงแค่นี้ เพื่อนของเราอาจจะตะโกนใส่หูเราว่า “นี่ ! แกจะปล่อยให้คนๆ เดียวมาทำลายชีวิตแกไม่ได้นะ” แต่เราก็จะยังจมอยู่กับความรู้สึกนั้น ราวกับกำลัง “มีความสุขในความเศร้า” เสียเหลือเกิน ถ้าเราคิดว่า ความทุกข์จากความรักนี้มันช่างหนักหนาใหญ่โตเสียเหลือเกิน กำลังเศร้า ยังไม่หายเศร้า หรือยังอยากจะเศร้าอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดในสถานการณ์นี้ไม่ใช่การฟังเพลงเศร้าๆ ให้มันกระแทกใจ หรือตั้งหน้าตั้งตา “เมาให้ลืมเธอ” สิ่งสำคัญที่สุดคือ “สติ” ในยามที่จิตใจกำลังเสียศูนย์นี่แหละ

“สติ” สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งปวงเปรียบเสมือน เรากับอดีตคนรักของเรานั่งรถมาด้วยกัน แรกๆ ก็ดีมีความสุข แต่นานๆ ไปเริ่มมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจต่างคนต่างไป เขาขับรถของเขาไป เราก็ขับรถของเราไป ทางใครทางมัน จากที่เคยมีคนช่วยขับ ช่วยคิด ว่าจะไปทางไหนต่อ กลายเป็นเราต้องขับของเราดุ่ยๆ ไปคนเดียว ถ้ามัวยังร้องห่มร้องไห้เมาน้ำตาอยู่ ไม่ก้มลงดูแผนที่ว่าจะขับไปทางไหน ดีไม่ดีรถอาจเสียหลัก แฉลบลงข้างทางได้

ถ้าเรามีสติ เรียกสติกลับคืนมาสู่ตัวเราเองได้ บอกกับตัวเองว่า “ฉันเข้มแข็ง ฉันเป็นสุข” บอกกับตัวเองบ่อยๆ เตือนสติตัวเองบ่อยๆ ให้เพื่อน ให้คนในครอบครัวช่วยบอกก็ได้ ก่อนนอนก็บอก ตื่นมาก็บอก ยืนยันกับตัวเองว่า เราจะเข้มแข็ง จะเป็นปกติในเร็ววัน รับรองได้ว่า ไม่นาความเศร้าโศกจะค่อยๆ หายไปในที่สุดเหมือนคำกล่าวทีว่า “วันเวลาจะช่วยรักษาแผลใจ” ซึ่งหากเรายิ่งช่วยฟื้นฟูกำลังใจตัวเองด้วย จิตใจเราก็จะกลับมาเป็นปกติได้เร็วยิ่งขึ้น แล้วในที่สุดวันคืนที่แสนจะมืดมนก็จะกลายเป็นเพียงอดีต เป็นหนึ่งบทเรียนชีวิต เป็นแค่ “หินก้อนหนึ่ง” เพื่อให้เราก้าวข้ามและเติบโตขึ้นเท่านั้นเอง