เหตุใดจึงยังมีคนโกหกทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดี

ในทุกความสัมพันธ์ย่อมต้องการความซื่อสัตย์จริงใจเป็นที่ตั้งเสมอ เพราะหลายคนต่างรู้ดีว่าการถูกหลอกลวงมันเจ็บปวดแค่ไหน บางคนรับได้ถ้าการโกหกนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยแล้วทำให้ทุกอย่างดีขึ้น บางคนรับไม่ได้แม้กระทั่งการโกหกเล็กน้อย เพราะมันเป็นการบั่นทอนความเชื่อถือซึ่งมันส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ที่ต้องคอยหวาดระแวงไปอีกด้วย

10 เหตุผลของคนโกหก (ในมุมของผู้ชาย)

1. เขาตั้งใจที่จะโกหกอยู่แล้ว

เขาเป็นคนที่ตั้งใจจะเป็นคนเจ้าชู้ เห็นแก่ตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่เห็นว่าการจริงใจต่อคนอื่นเป็นเรื่องจำเป็นอะไรมาก เดี๋ยวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่อยากมีพันธะกับใครมากมาย ถ้าคนอื่นเสียใจ เขาก็คิดว่าเป็นความผิดของคนอื่นที่มาหวังในตัวเขาเอง ในขณะที่ตัวเขาเองไม่รู้สึกว่าผิด เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันเป็นตัวของเขาที่ชัดเจนพอแล้ว คนอื่นดันไม่เข้าใจกติกาชีวิตเขาเอง ถ้าคุณเจอคนประเภทนี้ให้รีบพาตัวเองออกไปให้เร็วที่สุด เพราะในกรณีนี้เขาเป็นพวกเห็นแก่ตัว

2. เขาก็แค่ขาดความมั่นใจในตัวเขาเอง

ในกรณีนี้ยังถือว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนัก ตรงกันข้ามกลับรู้สึกน่ารักปนน่าขันเพราะเขาไม่รู้ว่าจะแสดงออกแบบไหนถึงจะเป็นที่พอใจ ในสายตาคนที่เขาสนใจ กับเพื่อนฝูงที่สนิทกันหรือในสถานการณ์ที่เป็นส่วนตัว เขาเป็นคนที่รอบรู้ไปหมดทั้งเรื่องการจีบสาวหรือเรื่องบนเตียง แต่ในสถานการณ์จริงเขายังอ่อนหัด ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน บางทีแล้วสิ่งที่คุณเห็นเขาไม่ได้โกหกหรอก เขาเพียงแค่โม้โอ้อวดเพื่อไม่ให้ใครดูถูกว่าเขาอ่อนเกินไปแค่นั้นเอง

3. เขาเป็นผู้ใหญ่ไม่มากพอ

ในกรณีนี้ใกล้เคียงกับข้อ 2 มาก แต่ต่างกันที่ว่าในข้อนี้เขาทำตัวเหมือนกับเด็กไม่บรรลุนิติภาวะ บางครั้งก็เขาโกหกเพื่อจะปัดความรับผิดชอบ บางครั้งเขาก็โกหกเพราะขี้เกียจจะทำความเข้าใจอะไรอย่างถ่องแท้ ไม่ต่างกับเด็กอมมือเท่าไหร่นัก

4. เขาเคยถูกกระทำมาก่อน

แรกเริ่มเดิมทีเขาไม่ใช่เป็นคนชอบโกหกหรือ เ ก ลี ยดการโกหกด้วยซ้ำ แต่เพราะเจอคนโกหกมากเข้า โดนหลอกลวงมากเข้า เขาจึงต้องสร้างเกราะป้องกันตัวเองขึ้นมาด้วยการไม่เชื่อใจคนอื่นง่ายๆ และหัดเป็นคนโกหกเองบ้าง ในกรณีนี้น่าเห็นใจเพราะเขากำลังสะกดจิตตัวเองด้วยความหลังฝังใจ บางรายแย่มากถึงกับเป็นอาการทางจิต ต้องปรึกษาจิตแพทย์ด่วน

5. เขาเป็นพวกชอบคาดหวังอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล

เขาเป็นพวกชอบคาดหวังว่าคนอื่นจะต้องเป็นให้ได้ดั่งใจเขาทุกอย่าง ถ้าผิดไปจากที่เขาคาดแม้แต่นิดเดียว เขาก็อ้างสิทธิที่จะซิกแซกทำอย่างอื่นได้อย่างไม่มีเหตุผล เช่น ถ้าคุณเป็นภรรยาในแบบที่ผมต้องการไม่ได้ ผมก็มีสิทธิที่จะไปซื้อบริการเพื่อเติมเต็มในส่วนที่ผมขาดและคุณเองก็ทำไม่ได้

6. เขาก็แค่เบื่อ เหนื่อยหน่าย หรือไม่ก็แค่คิดอะไรเล่น ๆ

และรู้สึกว่าเขาสมควรได้อะไรเป็นพิเศษที่เป็น “เฉพาะแค่เขา” เช่น การใช้บริการนอกบ้าน หรือไม่ก็ one night stand กับใครขำ ๆ  เขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มองหาใครสักคนมาเติมเต็มชีวิตให้มีสีสันมากขึ้น เขาเป็นพวกนักค้นหาที่พยายามตามหาไปเรื่อย ไม่ตั้งใจจะโกหกใครหรือให้ความหวังใคร เขายังพอมีสำนึกเสียใจเสมอถ้าพบว่าในสุดท้ายแล้วการที่เขาพยายามทำความรู้จักกับใคร เป็นความพยายามที่สูญเปล่า ไม่เข้ากัน ไม่คลิกกัน หนำซ้ำยังไปทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่าย เชื่อเถอะว่าถ้าคุณเข้ากับผู้ชายประเภทนี้ไม่ได้ อย่าเข้าใจว่าเป็นความผิดเขา หรือเข้าใจว่าเขาตั้งใจมาหลอก เขาพยายามที่สุดแล้วและก็รู้สึกเสียไม่ต่างไปจากคุณเลย

7. เขาก็แค่สับสนในความรัก

อาจจะเพราะความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป เมื่อมาถึงในจุดหนึ่ง เขาจึงรู้สึกคิดอะไรบางอย่างได้ เช่น อยากเว้นระยะห่างให้มากกว่านี้ อยากให้ระหว่างเราค่อย ๆ เรียนรู้กันไป หรือถึงเวลาที่ต้องเลือกระหว่างความรักกับภาระหน้าที่ที่โถมเข้ามา เป็นต้น แต่เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียใจ เขาเลยไม่กล้าบอกตามตรง เขาจึงพยายามหาข้ออ้าง หาธุระมาทำตัวเองให้ไม่ว่างเพื่อดูว่ามีเหตุผลพอที่จะกันตัวเองและอีกฝ่ายให้มีระยะห่างในแบบที่ สมเหตุสมผล ไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไป ให้แต่ละคนมีเวลาไปเรียนรู้อะไรมากขึ้น ดีกว่าทะเลาะกันแล้วแยกตัวไปสงบสักพัก

8. เขาเป็นติดการโกหก

อาจเป็นผลต่อเนื่องมาจากการติดอบายมุข ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดีที่พลอยทำให้เขาต้องติดการโกหกไปด้วยเพื่อให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่พอใจมากขึ้นและ ไม่ให้คนอื่นมาขัดขวางในสิ่งที่เขาพอใจเป็นการส่วนตัว เราจึงมักพบข้ออ้างการโกหกสารพัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโกหกเรื่องเงินเพื่อเอาไปซื้อสิ่งเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าพบคนประเภทนี้ พยายามหาทางบำบัดรักษาเขาโดยด่วน เขากำลังทำให้ทั้งสุขภาพกายและจิตใจแย่ลง

9. เขาต้องการออกไปจากชีวิตใครสักคน

เขากำลังหาทางออกให้กับความสัมพันธ์ ว่าจะจบอย่างไรถึงจะสวยงามที่สุด เขาไม่กล้าพูดตรง ๆ หรือแสดงออกอะไรก็ตามที่จะเป็นการทำร้ายจิตใจที่สุดในการจบความสัมพันธ์ เช่น ไม่กล้าบอกเลิกด้วยปากเปล่า แต่พิมพ์ข้อความไปบอกเลิก เพราะมันสะดวกใจกว่าการเผชิญหน้ากันจัง ๆ เขาแคร์คุณมากกว่าที่จะเป็นคนขี้ขลาด เขาจึงเลือกที่จะแสดงออกอะไรก็ตามที่อ่อนโยนที่สุด แม้ว่าการแสดงออกนั้นจะเป็นการโกหกก็ตาม

10. เขาก็แค่ขาดสังคมเพื่อนฝูง

ด้วยเพราะภูมิหลังเขาเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว หรือไม่ก็ไม่มีเพื่อนเลย ไม่มีทัศนคติที่กว้างพอ ไม่รู้ว่าจะเลือกการแสดงออกต่อคนอื่นอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด และไม่อยากไปฝากความหวังไว้กับใครนอกจากตัวเขาเอง เมื่อเจอใครก็ตาม เขาจึงปรับตัวไม่ถูกว่าจะพูดความจริงดี หรือโกหกดี หรือเฉย ๆ ไปเลย ดังนั้นแล้ว ถ้าจะมองให้ดี เขาก็แค่พวกเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่ใช่เป็นนักโกหก 

รู้อย่างนี้แล้วคุณอาจเข้าใจมากขึ้นบ้างว่าทำไมบางคนถึงเป็นโกหก แต่ก็ไม่สนับสนุนให้ใครโกหกนะ ไม่ว่าจะใครก็ตาม ใจเขาใจเรา ถ้าไม่อยากให้คนอื่นและตัวเองรู้สึกแย่ พูดความจริงกันดีกว่า แม้ว่าจะทำให้ใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกเสียใจ แต่ก็ไม่ถึงกับเสียความรู้สึกแน่นอน