ทะเลาะกัน ไม่ใช่ว่าไม่รัก

การทะเลาะกันเพราะไม่เข้าใจกันเป็นเรื่องธรรมดาของคนรักกัน เพราะไม่มีคู่รัก คู่ใด จะไม่ทะเลาะกันหรอก แต่ที่เขาอยู่กันได้เพราะยอมขอโทษ ยอมให้อภัย อย่าเพิ่งไปโทษว่าไร้วาสนาถ้ายังไม่ได้ทำให้กันเต็มที่ อย่าใช้ทิฐิเป็นที่ตั้ง ควรจะเรียนรู้สร้างความต่างและเข้าใจความต่างนั้นด้วยการยอมรับ

ดั้งคำที่ว่าก่อนจะตกลงรักสิ่งใดจงลืมตาให้กว้างเพื่อมองเห็นสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้ว่าเป็นเช่นไรแต่เมื่อตกลงรักสิ่งนั้นแล้วจงหลับตาลงบ้างเพราะคงไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทุกทุกอย่าง มีความรักมากมายกว่าวาสนาจะพามาพบกันกว่าจะได้รู้จักกันกว่าจะได้คุยกันกว่าจะได้รักกันเค้าต้องผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอุปสรรคมามากมายแต่แล้ววันหนึงเมื่อเขาสองคนไม่เข้าใจกัน กลับเกิดทิฐิมานะเกิดขึ้น เขากลับลืมสิ่งที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างคิดไปว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่เข้าใจ และแล้วความรักที่สร้างมาอันแสนยาวนาน จะกลับต้องจบลงเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ได้แต่นั่งโทษว่าหมดวาสนาต่อกันทั้งที่ทั้งสองยังไม่พยายามเต็มที่เลยต่างฝ่ายต่างไม่ขอโทษต่างฝ่ายต่างไม่ให้อภัยต่างฝ่ายต่างไม่หันหน้าเข้าคุยกันจนความรักที่ควรจะสวยงาม กลับกลายเป็นเพียงนิทานเศร้าก่อนนอน

♥ สิ่งที่ควรทำ

1. ถ้ารู้ดีว่าต่างคนต่างอารมณ์ร้อนใส่กันแน่นอน ควรแยกกันก่อน

ตอนอารมณ์ร้อน ถ้ารู้ดีว่าต่างคนต่างแรงใส่กันแน่นอน ควรแยกกันสักพัก ถ้าไม่มีใครยอมแยก เราก็เสียสละแยกออกไปก่อน และในทางเดียวกัน ถ้าเขาปลีกตัวออกไป ก็ปล่อยเขาไปก่อน ถ้ารู้สึกว่าเราและเขาอารมณ์เย็นลงเมื่อไหร่ ค่อยจับเข่าคุยกันดี ๆ ไม่เข้าใจตรงไหน ค่อยพูดจากัน อย่าทำเป็นลืมไปเด็ดขาด มันจะเป็นเรื่องค้างคาสะสมกันไป

2. อย่าหาคนผิด

อย่าเพิ่งหาความผิดว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน มีโอกาสพูด ก็พูดออกไปได้เลยว่าอึดอัดใจอะไรบ้าง การมัวแต่หาคนผิดในเบื้องต้นไม่ช่วยอะไรเลย เสียเวลาเถียงกันไปมาแบบไม่รู้จักจบสิ้น

3. อย่าขึ้นเสียงต่อกัน เมื่อแลกเปลี่ยนเหตุผลกันด้วยความใจเย็น

ถ้าต้องการให้อีกฝ่ายฟังเราพูดด้วยความใจเย็น เราก็อย่าขึ้นเสียงเพื่อกำราบเขา หรือพูดยั่วยุแทงใจดำกันด้วยการขุดคำร้าย ๆ มาตำหนิกัน เพราะนั่นก็จะกลายเป็นวนลูปไปทะเลาะกันอีกครั้งไม่รู้จักจบสิ้น ประเด็นเก่ายังไม่ทันเคลียร์ ก่อประเด็นใหม่มาซะงั้น

4. เปิดโอกาสให้เขาได้พูด

โปรดให้ความเท่าเทียมกัน ถ้าเรามีสิทธิพูดได้ เขาก็ต้องได้รับสิทธิพูดด้วยเช่นกัน อย่าใจร้อน เอาแต่ที่เราสะดวกอยู่ฝ่ายเดียว ให้เขาได้พูดออกมาเท่าที่สบายใจและสะดวกที่สุดด้วย

5. พิสูจน์ให้เห็นว่าเราก็มีความตั้งใจทำตามที่เขาขอร้อง

ถ้าไม่มั่นใจจริง ๆ ว่าจะทำได้หรือไม่ในสิ่งที่เขาร้องขอ ไม่จำเป็นต้องรับปากหรือสัญญา แต่จงตั้งใจทำ ให้เขาเห็นว่าเราก็ไม่ละเลยในสิ่งที่เขาขอเลยนะ อย่าเพิ่งเรียกร้องว่าเขาจะต้องทำกลับมาด้วย เราก็ทำส่วนของเราไป สบาย ๆ สักวันเขาจะเห็นความดีของเรา และความดีของเรานั้น ก็จะสะท้อนให้เขาทำอะไรดี ๆ ตอบแทนเราเองแหละ ไม่ต้องเพ่งเล็งให้ปวดจิตกันหรอก

6. สัมผัสกันให้มาก

ในขณะที่เขากำลังระบาย เราก็กอดเขา จับมือเขา เพื่อปลอบใจให้เขาเย็นลง อุ่นใจมากขึ้นที่มีเราใกล้ ๆ ในขณะเดียวกัน ถ้าเราอึดอัด ต้องการระบายให้แฟนฟัง ก็อย่าเขินอายที่จะกอดเขา ซบไหล่เขา อ่อนแอบ้างเพื่อให้เขารู้ว่า เราก็ต้องการให้เขาอยู่ใกล้ ๆ กันในวันที่มีปัญหากัน กลัวความสัมพันธ์จะแย่ลง การสัมผัสตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นการกอด โอบไหล่ จับมือ คือสัญญาณบอกถึงกันว่า ต่อให้เราไม่เข้าใจกันหรือกำลังเผชิญปัญหาที่ยากเย็นอยู่ เราก็จะไม่ทิ้งกันนะ ฉันจะไม่ทิ้งเธอให้เผชิญปัญหาคนเดียวเด็ดขาดนะ

7. กล่าวคำขอบคุณและขอโทษกัน

ต่อให้เราไม่ผิดอะไร เราก็พูดคำขอโทษได้ เพราะบางที สิ่งที่เราคิดว่าถูกต้อง ไม่ผิด ในมุมกลับ มันอาจเป็นสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ ในขณะเดียวกัน ต่อให้เขาไม่ได้ทำอะไรที่เป็นสิ่งยิ่งใหญ่มากนัก ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่จะขอบคุณเขาหลังจบการถกเถียงกัน อย่างน้อยก็เป็นการขอบคุณเขาที่ยังไม่จากไปไหน แม้เราจะขัดแย้งกันในบางเรื่องบางมุมก็ตาม 

ขอบคุณเรื่องราวดีๆ โดย gangbeauty, Dhammatanth

Thank you photo by pexels, unsplash